กรณีศึกษา Adobe จากผู้ผลิต-ขาย Software Product สู่ผู้นำบริการแพลตฟอร์ม Customer Experience ในรูปแบบคลาวด์คอมพิวติง
ในปี 2010 Adobe ได้ก้าวข้ามจาก Core ธุรกิจหลักเดิม ที่เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายระบบซอฟต์แวร์เอกสารและการสร้างสรรค์ เช่น โปรแกรม PDF, Photoshop, Adobe Illustrator (Ai), InDesign, After Effects โดยจัดจำหน่ายผ่านตัวแทนจำหน่ายต่าง ๆ ซึ่งได้รับรายได้จากการขาย (Transactional Sales) เปลี่ยนมาเป็นผู้นำเรื่อง Customer Experience ในการให้บริการด้าน Digital Experiences, Marketing, แพลตฟอร์ม Commerce และ Analytics ผ่านบริการ Software as a service (SaaS) ในรูปแบบคลาวด์คอมพิวติง (Cloud Computing) เปลี่ยนโมเดลการหารายได้มาเป็นแบบบอกรับสมาชิก (Subscription) ในปี 2012
ที่มา: Adobe.com
ถอดรหัสการทรานส์ฟอร์มธุรกิจของ Netflix ทีละขั้นตอนด้วยเครื่องมือ Digital Transformation Canvas ทั้ง 9 ช่อง ได้ดังนี้
[ ช่องที่ 1 : Define New Core Business ]
การประเมินธุรกิจใหม่
Full-service enterprise cloud provider of digital media and marketing software and services
[ ช่องที่ 2 : New Value Proposition ]
นำเสนอข้อเสนอทางคุณค่าใหม่ของธุรกิจ
Recurring Value Proposition พร้อมหาจุดที่จะสร้างรายได้อย่างสม่ำเสมอ
เน้นการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าในระยะยาวอย่างต่อเนื่อง (Always-on Relationship)
[ ช่องที่ 3 : New Business Model ]
ออกแบบโมเดลธุรกิจใหม่
เปลี่ยนโมเดลจาก Propetual Software Licenses คือ เปลี่ยนโมเดลธุรกิจจากเดิมที่เปิดตัวผลิตภัณฑ์รายปี โดยลูกค้าจะจ่ายเงินซื้อแค่ครั้งเดียว แล้วสามารถใช้ได้ตามระยะเวลาที่กำหนด เป็นโมเดลการหารายได้แบบบอกรับสมาชิก (Subscription)
[ ช่องที่ 4 : Existing Digital Capabilities ]
ประเมินขีดความสามารถด้านดิจิทัลในปัจจุบัน
ผู้ผลิตและจำหน่ายระบบซอฟต์แวร์เอกสารและการสร้างสรรค์ เช่น โปรแกรม PDF, Photoshop, Adobe Illustrator (Ai), InDesign, After Effects โดยจัดจำหน่ายผ่านตัวแทนจำหน่ายต่าง ๆ และได้รับรายได้จากการขาย (Transactional Sales)
[ ช่องที่ 5 : New Digital Capabilities ]
กำหนดขีดความสามารถใหม่ด้านดิจิทัล
ผู้นำให้บริการด้าน Digital Experiences, Marketing, แพลตฟอร์ม Commerce และ Analytics ผ่านบริการ Software as a service (SaaS) ในรูปแบบคลาวด์คอมพิวติง (Cloud Computing)
รูปแบบของการเช่าใช้โปรแกรมของ Adobe (Adobe Creative Cloud)
Automatic Updates, Technical Support, Online Storage, Publishing Capability, and File Sharing
Software as a service (SaaS) & Cloud Computing
Big Data & Analytics
[ ช่องที่ 6 : Digital Capability Initiative ]
วางแผนและสร้างขีดความสามารถด้านดิจิทัลจากปัจจุบันไปสู่อนาคต
2008 : ระบบ Webtop Version สำหรับ Photoshop ที่เรียกว่า Photoshop Express
2010 : เปิดตัวบริการ eSignatures
2011 : ประกาศว่า จะเลิกสนับสนุนระบบ Flash และจะให้ความสำคัญกับระบบ HTML5
2013 : เปิดตัวบริการ Creative Cloud (CC)
การควบรวมกิจการที่สำคัญ
2009 : Omniture ผู้ให้บริการการตลาดออนไลน์ และ Web Analytics
2012
: Behance ผู้ให้บริการ Social Media Platform ประเภท "Showcase and Discover Creative Work"
: Efficient Frontier ผู้ให้บริการ Digital Ad Buying and Optimization Platform
2015 : Fotolia ปัจจุบันรวมอยู่ในบริการของ Adobe Stock
2016 : Livefyre ผู้ให้บริการ Social Depth Platform
2018
: Marketo ผู้ให้บริการระบบ Marketing Automation Software
: Magento ผู้ให้บริการ E-Commerce Platform
2019 : Allegorithmic เครื่องมือสำหรับการสร้างสื่อแบบ 3D การสร้างเกมและสื่อบันเทิงต่าง ๆ ที่จะช่วยเสริมความสามารถในการใช้งานในแพลตฟอร์ม Creative Cloud
[ ช่องที่ 7 : Organisational Transformation ]
ออกแบบการเปลี่ยนองค์กรสู่ยุคดิจิทัล
Adobe มุ่งพัฒนาและใช้งาน DDOM หรือ Data-Driven Operating Model เพื่อ transform การทำงานของทั้งองค์กร โดย DDOM นี้จะแทรกซึมในทุกอณูของการ Transform องค์กรของ Adobe เพื่อมุ่งต่อการพัฒนา เจริญเติบโต และพร้อมต่อโลกที่เปลี่ยนแปลง โดยอาศัยข้อมูลที่มีมาใช้ในการประมวลผลการตัดสินใจ ปรับปรุง เปลี่ยนแปลงองค์กร เพื่อเอื้อต่อการอยู่ในโลกดิจิทัลให้ได้
การ Transform องค์กรของ Adobe จะเน้นการ Empower คนในองค์กรให้มีความเป็นอิสระในความคิด การตัดสินใจ และการลงมือทำ เน้นการเรียนรู้ผ่านกระบวนการทดลองทำ รับฟังซึ่งกันและกัน อย่างมีเหตุผล ซึ่งทีมผู้ก่อตั้งของ Adobe ได้ใช้พยายามอย่างมากในการสร้างระบบที่ทำให้ทุกคนในองค์กร สามารถเข้าถึงข้อมูลได้เพื่อใช้ในการตัดสินใจกระทำสิ่งต่างๆ สร้างความโปร่งใส เพื่อยกระดับความเชื่อมั่นของทุกคนในองค์กร และสร้าง “Advice Channel” ให้เป็นช่องทางในการติดต่อสื่อสารภายในองค์กรและเป็นช่องทางที่ทุกคนสามารถมาแชร์ความสามารถที่ตนภาคภูมิใจให้ทุกคนในองค์กรได้ทราบอีกด้วย
จากการที่ Adobe มุ่งพยายามปรับตัวอย่างสร้างสรรค์ทำให้ทุกๆส่วนงานขององค์กร ไม่ว่าจะเป็น โครงสร้างองค์กร (Structure), ระบบการดำเนินงาน (Systems), บุคลากร (Staff), สไตล์การบริหารงานองค์กร (Style), ทักษะของผู้คนในองค์กร (Skills) หรือแม้กระทั่งค่านิยมร่วมกัน (Share Values) ส่งผลให้ Adobe ประสบความสำเร็จอย่างมากในทุกวันนี้
[ ช่องที่ 8 : Agile Strategy and Planning ]
เปลี่ยนกลยุทธ์และการทำงานด้วยแนวคิด Agile
Adobe ได้ปรับทุกกระบวนการทำงานภายในองค์กร โดยมุ่งยึดหลักการ Agile ดังนี้
ทุกเรื่องต้องโปร่งใส ตรวจสอบได้ (Transparency)
มุ่งทำอย่างต่อเนื่อง ไม่ทิ้งงานกลางคัน (Continuity)
มุ่งทำอย่างสม่ำเสมอ ไม่ฮิตเป็นพักๆ (Consistency)
มีความยืดหยุ่น อย่าตึงหรือหย่อนเกินไป (Flexibility)
มองหาความเป็นไปได้ ไม่ฝันเฟื่อง (Feasibility)
ใส่ใจอย่างแท้จริง (Engagement)
[ ช่องที่ 9 : Building Collaborative Ecosystem ]
สร้างระบบนิเวศใหม่ที่สร้างการมีส่วนร่วมกันระหว่างในและนอกองค์กร
ร่วมมือกับลูกค้า พันธมิตร นักสร้างสรรค์ และคอมมูนิตีต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อปรับปรุงและพัฒนาสินค้าและบริการ รวมถึงสร้างคุณค่าที่ดีต่อชุมชนและสังคม