กรณีศึกษา SCG ทรานส์ฟอร์มธุรกิจด้วยนวัตกรรม Transformation with Innovation
การเปลี่ยนแปลงสู่องค์กรดิจิทัลจึงเป็นการเดินทางที่ต้องเร่งให้เกิดขึ้น เพื่อก้าวข้ามผ่านวิกฤติและรักษาตำแหน่งของเอสซีจีที่ยืนอยู่แถวหน้าของตลาดได้
ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาภาคเอกชนรับรู้ถึงการเกิดเทคโนโลยีดิสรัปชันโดยมีสถานการณ์โควิด-19 เป็นตัวเร่งส่งผลให้ตลาดและพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไปมาก ซึ่งเทคโนโลยีเป็นเรื่องใกล้ตัวที่มาเปลี่ยนวิถีชีวิต อาทิ การใช้จ่ายไร้เงินสด การซื้อของผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ ดังนั้น การเปลี่ยนแปลงสู่องค์กรดิจิทัลจึงเป็นการเดินทางที่ต้องเร่งให้เกิดขึ้น เพื่อก้าวข้ามผ่านวิกฤติและรักษาตำแหน่งของเอสซีจีที่ยืนอยู่แถวหน้าของตลาดได้
รุ่งโรจน์ รังสิโยภาส กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี
ที่ผ่านมาเอสซีจีมองการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลและนวัตกรรมเป็นตัวช่วยดำเนินธุรกิจ แต่ในภาพอนาคตต้องการเปลี่ยนผ่านให้ ดิจิทัลเป็นตัวละครหลักในการเสริมศักยภาพของเอสซีจี เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าได้ดีขึ้น
3 กลุ่มธุรกิจหลักของ SCG
และ ธุรกิจการลงทุน ภาพรวมธุรกิจการลงทุนของเอสซีจี ดูแลด้านการลงทุนในกิจการต่างๆ ของเอสซีจี ซึ่งบริษัทส่วนใหญ่ในกลุ่มนี้เป็น บริษัทร่วมทุนกับบริษัทชั้นนำในต่างประเทศ อาทิ Kubota, Yamato Kogyo, Aisin Takaoka Group, Nippon Steel, Toyota Motor เป็นต้น นอกจากนี้ธุรกิจการลงทุน เอสซีจี ยังดูแลธุรกิจที่ดินอุตสาหกรรมร่วมกับ Hemaraj Development
แผนทรานส์ฟอร์มธุรกิจด้วยนวัตกรรมของ SCG
‘Innovation & Service Solutions’
ต่อยอดพัฒนานวัตกรรมสินค้า และโซลูชันที่ตอบโจทย์สุขอนามัย และสุขภาพที่ดีสำหรับผู้บริโภค (Health & Hygiene) อาทิ
Smart Building Solution นวัตกรรมบริหารระบบอาคาร ด้วยเทคโนโลยี IoT เพื่อช่วยปรับคุณภาพอากาศ รวมทั้งช่วยประหยัดพลังงาน
CPAC BIM เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อการออกแบบก่อสร้างแม่นยำ ลดการสูญเสียทรัพยากรและคุ้มค่าการลงทุน
Smart Living Platform ให้ลูกค้าใช้บริหารจัดการโซลูชันต่างๆ ของเอสซีจีภายในบ้านด้วยตัวเอง
BAUEN by SCG (เบาเอ้น บาย เอสซีจี) บริการรีโนเวทครบ จบทุกความต้องการอย่างเป็นทางการ และตอกย้ำจุดแข็งของเซอร์วิสโซลูชันทั้ง Construction Solution และ Living Solution ที่มอบบริการครบวงจรแบบ End to End Service
‘Digital Transformation’
ผสานเทคโนโลยีเข้ากับทุกส่วนของธุรกิจ โดยแบ่งเป็น 2 ด้าน ได้แก่
ด้านดิจิทัลสำหรับผู้บริโภค ปรับรูปแบบร้านค้าไปสู่อีคอมเมิร์ซมากขึ้น
ต่อยอดการเชื่อมต่อร้านค้าแบบออฟไลน์ และออนไลน์ด้วยเทคโนโลยีในรูปแบบ SCG HOME Active Omni-Channel
นำเทคโนโลยีขั้นสูงอย่าง Big Data Analytics และ AI มาวิเคราะห์อินไซต์ผู้บริโภค เพื่อพัฒนาสินค้า และบริการในอนาคตใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่องในอนาคต
สร้าง Ecosystem ให้แข็งแกร่งขึ้น โดยเชื่อมโยงผู้รับเหมา ช่าง และพาร์ทเนอร์ด้วยเทคโนโลยี เพื่อมอบบริการที่ดีให้กับเจ้าของบ้านไปพร้อมกัน อาทิ Prompt Plus ช่วยบริหารจัดการต้นทุนและสต๊อกสินค้าให้แก่ร้านค้าวัสดุก่อสร้างรายย่อยมากกว่า 10,000 ร้านทั่วประเทศ, รักเหมา ช่วยผู้รับเหมาขนาดกลาง และขนาดเล็กมากกว่า 50,000 ราย รวมทั้งเจ้าของโครงการ ก่อสร้างทั่วประเทศ ให้สามารถบริหารต้นทุนได้ดียิ่งขึ้น
แพลตฟอร์ม TRUCK GO ระบบจัดการบริหารงานขนส่ง สำหรับผู้ประกอบการและบริษัทขนส่งขนาดกลาง-เล็ก ช่วยประหยัดต้นทุนจากการลดเวลาทำงานได้ 60%
2. ด้านดิจิทัลสำหรับการผลิต สานต่อการใช้ Industry 4.0 อาทิ
ระบบการดำเนินงานอัจฉริยะ (Smart Digital Operation) และระบบ Automation มาใช้ในกระบวนการผลิต
เอสซีจี เคมิคอลส์ (SCGC) นำปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในโปรเจกต์ บอนไซ (Bonsai) ของไมโครซอฟท์ มาพัฒนาเทคโนโลยี Digital Twin หรือตัวแทนเสมือน ที่ช่วยปรับเปลี่ยนรูปแบบการผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยให้โรงงานต้นแบบลดระยะเวลาผลิตลงถึง 40% ลดการเกิดของเสีย และลดการปล่อยคาร์บอน
ระบบ Angel-Maintenance ช่วยบริหารงาน ซ่อมบำรุง และลดเวลาการหยุดเครื่องเพื่อซ่อมบำรุง
‘Sustainable Development’
มุ่งสร้างสมดุลด้านสังคม และสิ่งแวดล้อมที่ดีไปพร้อมๆ กับการเติบโตทางธุรกิจตลอดจนเพิ่มคุณค่าอย่างยั่งยืนตลอดทั้งห่วงโซ่คุณค่า ซึ่งได้นำมาประยุกต์เข้ากับการดำเนินงาน 3 ด้าน คือ
Green Product & Service พัฒนาสินค้าและบริการ SCG Green Choice โดยปีนี้จะเพิ่มจำนวนสินค้า SCG Green Choice มากขึ้นประมาณ 30%
Green Plant เพิ่มการใช้พลังงานทดแทนภายในโรงงานให้มากขึ้น เช่น ติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ ใช้รถยกไฟฟ้า (EV Forklift) เป็นต้น
ด้านการช่วยเหลือสังคม เดินหน้ามอบสิ่งดีๆ คืนสังคม และสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง อาทิ ได้ร่วมกับร้านผู้แทนจำหน่ายส่งมอบนวัตกรรมที่เป็นประโยชน์แก่สังคม อาทิ ห้อง Positive Pressure Room ด้วยระบบผนัง Smart Board Ultra Clean Solution นวัตกรรม CPAC BIM Medical Solution และ Bathroom Mobile Unit ซึ่งจะสานต่อการให้นี้อย่างต่อเนื่อง
“
เติบโตแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง
ด้วยการทรานส์ฟอร์มรับ 3 เมกะเทรนด์
ESG ดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชัน
และโซลูชันรับเทรนด์รักษ์สุขภาพ
“
ในปี พ.ศ. 2564 เศรษฐกิจทั่วโลกยังคงได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19
ขณะที่ต้นทุนพลังงานและต้นทุนวัตถุดิบปรับตัวสูงขึ้น ตลอดจนวิกฤตภูมิอากาศแปรปรวนรุนแรง
อย่างไรก็ดี เอสซีจีสามารถรักษาการเติบโตได้เป็นที่น่าพอใจ จากการเร่งทรานส์ฟอร์มทุกธุรกิจอย่างต่อเนือง ให้สอดคลองกับ 3 เมกะเทรนด์ ได้แก่ ชู ESG ในการดำเนินธุรกิจใช้ดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชัน เพื่อตอบโจทย์ความต้องการใหม่ ๆ ของลูกค้า ช่วยลดต้นทุนการผลิตและขยายอีคอมเมิร์ซ รวมถึงการพัฒนาโซลูชั่นรับเทรนด์การรักษัสุขภาพและยกระดับคุณภาพชีวิต