Michelin จากผู้ผลิตยางรถยนต์ชั้นนำของโลก สู่ผู้นำธุรกิจ Mobility ที่ขับเคลื่อนด้วย Data และ IoT
มิชลินเปลี่ยนจากการขายยางรถยนต์ สู่การขายผลลัพท์ทางธุรกิจ (Outcomes) ที่ขับเคลื่อนด้วย Data และ IoT นับเป็นครั้งแรกที่บริษัทผู้ผลิตรายใหญ่ก้าวไปไกลกว่าการขายยาง เพื่อแก้ไขปัญหาการประหยัดเชื้อเพลิงด้วยสัญญาด้านประสิทธิภาพที่ได้รับ
สถานการณ์
นับตั้งแต่วิกฤตเศรษฐกิจและการเงินในปี 2551 คนขับรถบรรทุกมีอัตรากำไรขั้นต้นที่น้อยมาก บางครั้งไม่ถึง 2% คำสั่งซื้อคาดการณ์ได้ยาก ทำให้ยากที่จะบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ ต้นทุนเชื้อเพลิงก็กลายเป็นภาระหนักขึ้นเรื่อยๆ ในบางประเทศ เชื้อเพลิงเป็นค่าใช้จ่ายที่ใหญ่ที่สุดสำหรับบริษัทขนส่งสินค้า มากกว่าค่าแรง
ความท้าทาย
สำหรับผู้ขับรถบรรทุกคือการลดต้นทุนการดำเนินงานในขณะที่ยังคงให้บริการที่มีคุณภาพแก่ลูกค้าต่อไป รวมถึงยังต้องปฏิบัติตามมาตรฐานที่เข้มงวดมากขึ้นเกี่ยวกับการปล่อย CO2
มิชลินตั้งเป้าไปที่ Fleet Manager ผู้ดูแลรถบรรทุกของบริษัท, Operations Manager ผู้ดูแลผู้ขับขี่และการดำเนินธุรกิจ และ ผู้บริหารบริษัทขนส่งสินค้าที่ต้องการจะลดค่าใช้จ่ายที่ใหญ่ที่สุดของการดำเนินธุรกิจ นั่นคือ เชื้อเพลิง ที่สูงมากถึง 30% - 40% ในทวีปยุโรป
นอกจากความท้าทายด้านเชื้อเพลิงแล้ว ปัญหาด้านการบริหารจัดการและดูแลเกี่ยวกับพารามิเตอร์ ตั้งแต่ เทคโนโลยียานยนต์ ระบบส่งกำลังและโหลดใหม่ ไปจนถึงสภาพอากาศ น้ำมันหล่อลื่น ยางรถยนต์ เชื้อเพลิง อากาศพลศาสตร์ สไตล์และเส้นทางการขับขี่
การตรวจสอบพารามิเตอร์จำนวนมากต้องมีการวัดการมองเห็น การวัดผล และการพัฒนาแผนปฏิบัติการ ซึ่งรวมกันเป็นโครงการขนาดใหญ่และสำคัญของบริษัท
เริ่มต้นทรานส์ฟอร์ม
ในปี พ.ศ. 2555 มิชลินเริ่มต้นด้วยการรวบรวมข้อมูลและพูดคุยกับผู้ปฏิบัติงานเกี่ยวกับการใช้เชื้อเพลิง ตรวจสอบยานพาหนะ ประเภทและการใช้งานยานพาหนะ พฤติกรรมการขับขี่และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง
จากนั้นจะนำเสนอโครงสร้างและแผนปฏิบัติการประหยัดเชื้อเพลิงที่เป็นไปได้ โครงสร้างที่เสนอ และแผนปฏิบัติการของมาตรการเฉพาะที่จะดำเนินการ
เมื่อมีการตกลงแล้ว จึงเริ่มไปใช้กับกลุ่มตัวอย่างยานพาหนะ โดยติดตั้งอุปกรณ์เทเลเมติกส์ของมิชลิน ผสานรวมพารามิเตอร์ทั้งหมด ตั้งแต่การบำรุงรักษา การติดตาม ไปจนถึงการเชื่อมต่อทางอิเล็กทรอนิกส์จากรถทุกคัน ซึ่งรวบรวมและประมวลผลข้อมูลเกี่ยวกับรถ ประเภทของการขับขี่ และเงื่อนไขที่เกี่ยวข้องกับการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง
ผู้ขับขี่จะได้รับการฝึกอบรมเกี่ยวกับเทคนิคการขับขี่ และเรียนรู้เครื่องมือการจัดการและแอปพลิเคชันที่ถูกปรับแต่งมาให้ใช้เฉพาะบุคคลอีกด้วย
บริการและโมเดลธุรกิจใหม่
มิชลินให้คำมั่นสัญญาว่าจะช่วยเหลือบริษัทรถบรรทุกในการลดการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง ด้วยการนำเสนอระบบ Telematics, ระบบ Tire Management System และการฝึกอบรมเทคนิคการขับขี่ โดยสัญญาว่าจะคืนเงินให้กับลูกค้าหากลูกค้าผู้ใช้งานได้รับผลลัพทธ์ไม่เป็นที่พอใจ
นับตั้งแต่เปิดตัวบริการใหม่ มิชลินได้ส่งมอบการประหยัดเชื้อเพลิง 1.5 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตรให้กับลูกค้าของบริษัทรถบรรทุก เท่ากับในหนึ่งปี มิชลินจะช่วยประหยัดเชื้อเพลิงได้มากกว่า 3,000 ล้านลิตร ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 9 ล้านตัน สู่ชั้นบรรยากาศ และสร้างมูลค่าเพิ่มมากกว่า 3,000 ล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ ให้กับอุตสาหกรรมรถบรรทุก (หรือมากกว่า 1,300 ต่อคันต่อปี) โดยในปี พ.ศ.2556 มีผู้ใช้งานในระบบโซลูชั่นของมิชลินมากถึง 500,000 คัน
มิชลินช่วยให้บริษัทรถบรรทุกสามารถมุ่งความสนใจไปที่ธุรกิจหลักของตนได้ จากการเข้าถึงและการวิเคราะห์ ข้อมูล Big Data และเทคโนโลยี IoT
จากความสามารถในการเข้าถึงข้อมูลผู้บริโภคโดยตรง และความสามารถในการดึงศักยภาพของข้อมูล จึงสามารถสร้างโมเดลธุรกิจใหม่แบบ On-Demand และ As-A-Service ตามความต้องการของผู้ใช้งานจากการใช้แบบจำลองที่คาดการณ์ได้ ด้วยความเชี่ยวชาญในการใช้ประโยชน์จากข้อมูลที่เชื่อมต่อกัน มิชลินกำลังวางตำแหน่งตัวเองให้เป็นผู้นำหลักในธุรกิจ Connected Mobility