Challenge

• การแข่งขันจากธนาคารดั้งเดิมและธนาคารดิจิทัลอื่นๆ ในฮ่องกง การสร้างความไว้วางใจในบริการที่ไม่มีสาขา และการปรับตัวให้เข้ากับความต้องการที่เปลี่ยนแปลงของลูกค้าในยุคดิจิทัล

Solution

• Mox ใช้ข้อมูลเชิงลึกจากลูกค้าในการออกแบบบริการ เพื่อตอบสนองความต้องการอย่างตรงจุด ด้วยการเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ เช่น Smart Saving Goals และ Personalized Budgeting Tools เพื่อช่วยลูกค้าบริหารการเงินได้ดียิ่งขึ้น

• เพิ่มบริการใหม่ เช่น บัตรเครดิตเสมือนจริง และบัญชีออมทรัพย์ที่ให้ดอกเบี้ยสูงสุดในตลาด

Outcome

• แอปของ Mox ได้รับการออกแบบให้ใช้งานง่าย และได้รับคะแนน Net Promoter Score (NPS) สูงที่สุดในหมู่ธนาคารเสมือนจริงในฮ่องกง ที่ +72

• จำนวนผู้ใช้เพิ่มขึ้นกว่า 200,000 ราย ภายในเวลาไม่ถึงสองปี และมีผู้ใช้งานจริงกว่า 620,000 ราย ภายใน 4 ปี 

• ได้รับรางวัลอันทรงเกียรติมากมาย เช่น One of The World’s Best Banks 2023 by Forbes (หนึ่งในธนาคารที่ดีที่สุดในโลกประจำปี 2023 โดย Forbes), Best Digital-only Bank in Hong Kong 2023 by The Asian Banker (ธนาคารดิจิทัลที่ดีที่สุดเท่านั้นในฮ่องกงประจำปี 2023 โดย The Asian Banker), Top rated digital banking app for Hong Kong in Apple App Store (แอปธนาคารดิจิทัลที่ได้รับคะแนนสูงสุด สำหรับฮ่องกงใน Apple App Store)

Challenge

• อินโดนีเซียมีประชากรมากกว่า 275 ล้านคน โดย 71% ของประชากรใช้อินเทอร์เน็ต ทำให้การพัฒนาทักษะและโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลเป็นหัวใจสำคัญของการลดความเหลื่อมล้ำและส่งเสริมเศรษฐกิจ 

• Dr. Pahlevi มุ่งเน้นการสร้างโอกาสให้ทุกคนเข้าถึงเทคโนโลยีและทักษะดิจิทัลเพื่อเพิ่มคุณภาพชีวิตและความสามารถในการแข่งขันของประเทศ

Solution

• National Digital Talent Platform สร้างแพลตฟอร์มการเรียนรู้ดิจิทัลที่ครอบคลุมทุกภาคส่วนของสังคม

• Digital Society Index of Indonesia วัดระดับความพร้อมด้านดิจิทัลของแต่ละพื้นที่ เพื่อช่วยให้รัฐบาลกำหนดนโยบายได้ตรงจุด

• Digitalent Mobile App เพิ่มการเข้าถึงการเรียนรู้ดิจิทัลผ่านแอปพลิเคชันบนมือถือ

• ปรับปรุงการดำเนินงานของกระทรวงด้วยระบบดิจิทัล ด้วยการใช้เครื่องมืออัตโนมัติ, Agile Methodology

Outcome

• มีผู้เข้าร่วมกว่า 3 ล้านคน ภายใน 3 ปี และ 64.2% ของผู้ที่สำเร็จการอบรมจากโปรแกรม Digital Talent Scholarship มีรายได้เพิ่มขึ้น

• เพิ่มรายได้เฉลี่ยของผู้สำเร็จการศึกษาแสดงถึงความสามารถในการเพิ่มกำลังซื้อของประชากรและลดความเหลื่อมล้ำ

• ตัวชี้วัดนี้ถูกนำไปใช้ในการจัดสรรงบประมาณและโครงการดิจิทัลในพื้นที่ชนบท ทำให้การเข้าถึงอินเทอร์เน็ตในพื้นที่ห่างไกลเพิ่มขึ้น 25% ในปี 2023

• แอปมีผู้ใช้งานมากกว่า 1 ล้านคน ในปีแรกหลังเปิดตัว และมีผู้ใช้งานกว่า 60% มาจากพื้นที่ชนบท

• ลดเวลาทำงานซ้ำซ้อน เพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานขึ้น 30%

• ลดเวลาการดำเนินโครงการลง 35% โดยส่งเสริมการทำงานร่วมกันของทีมข้ามสายงาน

Challenge

• ธุรกิจค้าปลีกในยุคปัจจุบันต้องเผชิญกับความท้าทายที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ทั้งการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภค ความซับซ้อนของช่องทางการจัดจำหน่าย และต้นทุนการดำเนินงานที่สูง การดำเนินธุรกิจอย่างเดิมไม่สามารถตอบสนองความต้องการได้อีกต่อไป CRC จึงต้องเร่งสร้างกลยุทธ์ใหม่เพื่อเสริมสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขัน

Solution

• 🌐 พัฒนา Central Digital Ecosystem ระบบนิเวศดิจิทัลที่ครบวงจรที่สุดในเอเชียแปซิฟิก 

• 🤝 รวมพันธมิตรชั้นนำกว่า 40 ราย จากหลากหลายอุตสาหกรรม เช่น บริการทางการเงิน ตลาดออนไลน์ โซเชียลมีเดีย โปรแกรมสะสมคะแนน (Loyalty Programs) โดยมุ่งเน้นการเชื่อมต่อข้อมูลอย่างลึกซึ้ง 

• 📊 ใช้ AI เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก สร้างความร่วมมือที่ยั่งยืนและเพิ่มมูลค่าให้กับลูกค้าและพันธมิตร

Outcome

• 📉 ลดสต๊อกสินค้าคงคลังเกินจำเป็นถึง 15% ด้วยระบบบริหารจัดการสินค้าคงคลังแบบรวมศูนย์

• ลดต้นทุนการจัดส่ง 20% จากการร่วมมือกับบริษัทผู้ให้บริการขนส่ง

• 🚀 ลดระยะเวลาในการพัฒนาสินค้าและบริการใหม่ใหม่ลง 30% ผ่านความร่วมมือเชิงนวัตกรรมกับพันธมิตร

• 📈 เพิ่มประสบการณ์ลูกค้าที่เหนือระดับโดยใช้ข้อมูลจากโปรแกรมสะสมคะแนน The 1 ซึ่งมีสมาชิกกว่า 20 ล้านราย เพื่อมอบข้อเสนอเฉพาะบุคคลที่ตรงใจผู้บริโภค

• 🌱CRC ใช้ข้อมูลเชิงลึกเพื่อลดการใช้ทรัพยากรในกระบวนการจัดจำหน่ายสินค้า สนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน

Challenge

• ด้วยพื้นที่ไร่อ้อยที่ครอบคลุมทั่วประเทศไทย การติดตามและวางแผนการเก็บเกี่ยวเป็นภารกิจที่ซับซ้อนและใช้เวลามาก 

• การวิเคราะห์ภาพถ่ายดาวเทียมแบบเดิมอาจต้องใช้เวลาถึงหนึ่งสัปดาห์ในการระบุพื้นที่ที่เหมาะสมสำหรับการเก็บเกี่ยว 

• ปัญหานี้ทำให้เกิดการเสียโอกาสทั้งในด้านผลผลิตและการจัดการห่วงโซ่อุปทาน

Solution

• เปลี่ยนเกมด้วยเทคโนโลยี AI พัฒนาโครงการ AI-Driven Sugarcane Harvest Monitoring โดยใช้ภาพถ่ายดาวเทียม และ อัลกอริธึม AI ที่สามารถวิเคราะห์ข้อมูลพื้นที่ได้อย่างแม่นยำ

• ระบบนี้ยังสามารถระบุสถานะของการเจริญเติบโตของอ้อยในแต่ละแปลงได้อย่างละเอียด ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการวางแผนและลดความสูญเสียในกระบวนการเก็บเกี่ยว

Outcome

• ใช้ AI วิเคราะห์ข้อมูลจากภาพถ่ายดาวเทียม ลดเวลาในการประมวลผลข้อมูลจาก 7 วันเหลือเพียง 3 วัน

• ความแม่นยำในการคาดการณ์เพิ่มขึ้นจาก 95% เป็น 98.7% ซึ่งสูงกว่ามาตรฐานอุตสาหกรรมระดับโลก

• ลดการสูญเสียอ้อยให้กับคู่แข่งจาก 5% เหลือ 2.4%

• สร้างมูลค่าเพิ่มกว่า 360 ล้านบาท (ประมาณ 10 ล้านเหรียญสหรัฐ)

• ลดการใช้ทรัพยากรเกินจำเป็น เช่น เชื้อเพลิงและน้ำ ในกระบวนการเก็บเกี่ยว

• สนับสนุนการวางแผนการผลิตที่เหมาะสม ช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม สนับสนุนการจัดการสิ่งแวดล้อมด้วยข้อมูลที่แม่นยำ

Challenge

• สำหรับองค์กรที่ต้องพึ่งพาข้อมูลและเอกสารจำนวนมาก การจัดการเอกสาร (Document Management System - DMS) ที่มีประสิทธิภาพและรองรับการทำงานร่วมกันเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง 

• Chapman Tripp ต้องเผชิญกับความท้าทายในการปรับระบบ DMS แบบดั้งเดิมให้ตอบโจทย์การทำงานในยุคที่ทีมงานต้องการความยืดหยุ่นและการเชื่อมต่อจากทุกที่

Solution

• Project Minerva เป็นโครงการสำคัญที่มุ่งเน้นการพลิกโฉมระบบ DMS ขององค์กร ใช้เทคโนโลยีคลาวด์ที่ล้ำสมัยเพื่อสร้างการทำงานที่ไร้รอยต่อ (Seamless Integration) ระหว่างระบบในองค์กรและระบบคลาวด์ 

• การเปลี่ยนผ่านระบบใหม่สามารถทำได้อย่างรวดเร็ว โดยในวันแรกของการใช้งาน ระบบสามารถจัดการเอกสารได้ถึง 40,000 รายการ ซึ่งถือเป็นความสำเร็จที่สำคัญ

Outcome

• การค้นหาและจัดการเอกสารใช้เวลาน้อยลงกว่าเดิมถึง 30%

• ลดข้อผิดพลาดจากการเก็บเอกสารซ้ำซ้อนลง 25%

• 85% ของพนักงานรายงานว่าระบบใหม่ช่วยให้ทำงานได้ง่ายขึ้น

• ทีมงานสามารถเข้าถึงเอกสารได้ทุกที่ทุกเวลา ลดข้อจำกัดในการทำงาน

• ระบบใหม่ช่วยเพิ่มความโปร่งใสและประสิทธิภาพในการทำงานร่วมกันของทีม

Challenge

• อุตสาหกรรมโทรคมนาคมในไต้หวันเผชิญกับความท้าทายจากการแข่งขันที่สูงขึ้นและความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลง 

• FET ต้องการสร้างความแตกต่างด้วยการให้บริการที่ปรับแต่งเฉพาะบุคคล พร้อมเพิ่มรายได้จากการขายต่อ (Cross-Selling) และเพิ่มความจงรักภักดีของลูกค้า

Solution

แอปพลิเคชัน Mobile Circle ได้กลายเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้ FET สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าในยุคดิจิทัลได้อย่างมีประสิทธิภาพ แอปนี้ผสานเทคโนโลยี AI เพื่อสร้างประสบการณ์ลูกค้าและความประทับใจและเพิ่มรายได้ให้กับองค์กร โดยมีฟีเจอร์สำคัญ อาทิ

• AI-Driven Personalization แอปสามารถแนะนำบริการหรือโปรโมชันเฉพาะบุคคล โดยอ้างอิงจากพฤติกรรมการใช้งานและข้อมูลเชิงลึก

• Real-Time Marketing Technology (MarTech) การใช้เทคโนโลยีการตลาดแบบเรียลไทม์ช่วยเพิ่มการมีส่วนร่วมกับลูกค้า

• Cross-Selling Services แอปช่วยส่งเสริมการขายบริการดิจิทัลของ FET อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น บริการสตรีมมิ่งและคลาวด์

• Gamification and Membership Benefits สมาชิกในแอปสามารถสะสมแต้ม แลกของรางวัล และเข้าร่วมกิจกรรมพิเศษได้ ซึ่งช่วยเพิ่มความสนุกสนานและความจงรักภักดี

Outcome

• รายได้จากการขายต่อ (Cross-Selling Revenue) เพิ่มขึ้นเป็น 1.19 พันล้านดอลลาร์ไต้หวัน (TWD) หรือประมาณ 43.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

• Lifetime Value (LTV) ต่อผู้ใช้ มีมูลค่าสูงถึง TWD10,561 (ประมาณ 387 ดอลลาร์สหรัฐ)

• อัตราการมีส่วนร่วมของลูกค้า (Engagement Rate) เพิ่มขึ้นกว่า 30% หลังจากเปิดตัวฟีเจอร์ AI

• การใช้ MarTech ช่วยลดต้นทุนแคมเปญการตลาดลงกว่า 20%

• ความพึงพอใจของลูกค้า หรือ Net Promoter Score (NPS) เพิ่มขึ้นจาก 75% เป็น 83% ในปี 2023

• "การทรานส์ฟอร์มดิจิทัลของ FET ไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มรายได้และลดต้นทุน แต่ยังสร้างประสบการณ์ลูกค้าที่เหนือระดับ แอป Mobile Circle เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของการนำ AI และ MarTech มาใช้ในธุรกิจ เพื่อเพิ่มคุณค่าและสร้างความยั่งยืนในยุคดิจิทัล"

Challenge

• ในโลกดิจิทัลที่ภัยคุกคามทางไซเบอร์เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แอปพลิเคชันการเงินดิจิทัลอย่าง GCash ต้องเผชิญกับความท้าทายอย่างสูงในการปกป้องธุรกรรมทางการเงินของผู้ใช้งานจากการโจมตีและการฉ้อโกง

• การสร้างความไว้วางใจให้กับผู้ใช้งานหลายล้านคนในฟิลิปปินส์ ซึ่งมีการใช้งานแพลตฟอร์มอย่างกว้างขวาง

Solution

GCash ได้พัฒนาโปรแกรมด้าน Cybersecurity ที่ครอบคลุมเพื่อแก้ไขปัญหาเหล่านี้ โดยมีคุณสมบัติสำคัญ ดังนี้

• 1. DoubleSafe ระบบการยืนยันตัวตนแบบหลายขั้นตอน (Multifactor Authentication) ที่รวม OTP (One-Time Password) และการสแกนใบหน้า ช่วยป้องกันการเข้าถึงบัญชีโดยไม่ได้รับอนุญาต

• 2. Scam Score Model ระบบวิเคราะห์พฤติกรรมของผู้ใช้งานเพื่อระบุการทำธุรกรรมที่น่าสงสัย เช่น การตรวจสอบพฤติกรรมของมิจฉาชีพ อุปกรณ์ที่ใช้ หรืออีเมลที่เชื่อมโยงกับการหลอกลวง

• 3. GCash App Shielding แอปพลิเคชันจะปิดตัวทันทีเมื่อมีการตรวจพบอุปกรณ์ที่ไม่ปลอดภัย ช่วยลดความเสี่ยงจากการโจมตีทางไซเบอร์

• 4. Account Secure ฟีเจอร์ที่จำกัดการเข้าถึงบัญชี GCash ให้ใช้งานได้เพียงอุปกรณ์เดียว ลดโอกาสในการถูกโจมตี

Outcome

• สามารถปฏิเสธการพยายามเข้ายึดบัญชีกว่า 1.5 ล้านครั้งในปี 2023

• ระบบช่วยป้องกันการโจมตีอุปกรณ์กว่า 11.7 ล้านครั้ง

• ป้องกันธุรกรรมที่น่าสงสัยกว่า 43,000 รายการในปีเดียว

• อัตราความพึงพอใจและความไว้วางใจของผู้ใช้งานเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน

• 
  

• "GCash ได้แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการสร้างระบบที่ไว้วางใจได้ในยุคดิจิทัล ผ่านการลงทุนในเทคโนโลยีที่ทันสมัยและการป้องกันที่ครอบคลุม ความสำเร็จนี้ไม่เพียงช่วยปกป้องผู้ใช้งาน แต่ยังเป็นต้นแบบให้กับธุรกิจอื่น ๆ ที่ต้องการสร้างความไว้วางใจในยุคที่ความปลอดภัยทางไซเบอร์เป็นสิ่งสำคัญ"

Challenge

• ความมั่นคงทางอาหารและการเกษตรกลายเป็นประเด็นสำคัญอย่างยิ่งในปัจจุบัน การยกระดับการวางแผนและการจัดการในภาคการเกษตรของฟิลิปปินส์จึงเป็นภารกิจที่จำเป็นระดับประเทศ

Solution

PRiSM เป็นระบบแรกในฟิลิปปินส์ที่ใช้ดาวเทียมในการตรวจสอบการผลิตข้าวทั่วประเทศ ด้วยการผสานข้อมูลเชิงลึกจาก:

1. ข้อมูลดาวเทียม สำหรับการตรวจสอบพื้นที่การปลูกข้าวในระดับภูมิภาคและประเทศ

2. ซอฟต์แวร์แผนที่ข้าว เพื่อสร้างแผนที่แสดงพื้นที่เพาะปลูก วันที่เริ่มปลูก และการคาดการณ์ผลผลิต

3. แบบจำลองการเติบโตของพืช ในการวิเคราะห์ข้อมูลที่เก็บได้จากภาคสนามเพื่อปรับแต่งและเพิ่มความแม่นยำในการประเมิน

Outcome

• ความแม่นยำที่สูงขึ้นของแผนที่การปลูกข้าวระดับประเทศในปี 2023 อยู่ที่ 96% ความแม่นยำในระดับภูมิภาคอยู่ระหว่าง 92% ถึง 99%

• PRiSM ช่วยให้เกษตรกรและหน่วยงานต่างๆ วางแผนการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้เพิ่มผลผลิตในระยะยาว

• ข้อมูลจาก PRiSM ถูกใช้โดยองค์กรหลากหลายทั้งภาครัฐและเอกชน

Challenge

• ในยุคแห่งการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วและไม่หยุดนิ่ง ความสามารถขององค์กรในการปรับตัวและดำเนินธุรกิจอย่างต่อเนื่องภายใต้สภาวะที่ไม่แน่นอน ได้กลายเป็นปัจจัยสำคัญที่กำหนดความสำเร็จในระยะยาว แนวคิด "Digital Resiliency" หรือความยืดหยุ่นทางดิจิทัล เป็นหัวใจสำคัญที่ช่วยให้องค์กรสามารถรับมือกับความท้าทายและสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขัน

Solution

พัฒนาโซลูชันด้วยโมเดลซัพพลายเชนดิจิทัลแบบยืดหยุ่นที่ผสานองค์ประกอบหลักของการผลิตและซัพพลายเชนที่มีองค์ประกอบดังนี้: 

• Resilient Supply Chain Services: การปรับปรุงความยืดหยุ่นของซัพพลายเชนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการความเสี่ยง 

• Supply Chain Financial Services: การสนับสนุนทางการเงินเพื่อเสริมสร้างความสามารถในการบริหารจัดการต้นทุน 

• Digital Cloud Warehouse: การใช้เทคโนโลยีคลาวด์ในการจัดเก็บและจัดการข้อมูลคลังสินค้า 

• Digital Cloud Factory: การผสานระบบคลาวด์กับกระบวนการผลิตเพื่อเพิ่มความสามารถในการวางแผนและควบคุม

Outcome

• ลดต้นทุนการจัดหาวัตถุดิบได้ถึง 15 RMB ต่อตัน 

• ลดต้นทุนการจัดเก็บในคลังสินค้าได้ 8 RMB ต่อตัน 

• เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสูงถึง 30% 

• ผลกำไรโดยรวมเพิ่มขึ้นถึง 15% 

• การเชื่อมต่อในซัพพลายเชนและการผสานรวมระบบคลาวด์ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานร่วมกันระหว่างซัพพลายเออร์และโรงงาน

Challenge

• การตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่ต้องการผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูง ปลอดภัย และสามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ 

• Yili มีเครือข่ายซัพพลายเออร์ทั่วโลกที่ซับซ้อน ต้องการการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ 

• การแข่งขันในตลาดต้องการการพัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์เพื่อเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่อย่างรวดเร็วตอบสนองต่อแนวโน้มผู้บริโภค

Solution

Yili ได้นำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในทุกกระบวนการ ตั้งแต่การผลิต การบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทาน ไปจนถึงการพัฒนาผลิตภัณฑ์

• AI และ Machine Learning: ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกเพื่อปรับปรุงกระบวนการผลิตและพัฒนาการตลาด 

• Cloud Computing: Yili ได้สร้างระบบ Multi-Cloud Data Foundation ที่ช่วยในการจัดการข้อมูลขนาดใหญ่ และรองรับการวิเคราะห์แบบเรียลไทม์ 

• Robotic Process Automation (RPA): ลดข้อผิดพลาดจากการทำงานด้วยคนและเพิ่มความแม่นยำในกระบวนการซ้ำ ๆ 

• IoT: ใช้เซ็นเซอร์อัจฉริยะในกระบวนการผลิต เพื่อตรวจสอบและปรับปรุงประสิทธิภาพแบบเรียลไทม์

Outcome

• รายได้จากการขายผลิตภัณฑ์ใหม่เพิ่มขึ้น 25% ภายในปีเดียว

• เพิ่มความแม่นยำในกระบวนการผลิตถึง 98.7% 

• ลดเวลาในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ 20% 

• ลดความเสี่ยงในห่วงโซ่อุปทานด้วยการคาดการณ์ล่วงหน้า 

• การรักษาลูกค้า (Customer Retention Rate) เพิ่มขึ้นถึง 30% 

• ลดการใช้พลังงานในกระบวนการผลิตถึง 15% 

• สนับสนุนเป้าหมาย Net-Zero ด้วยการลดการปล่อยคาร์บอนในทุกขั้นตอนการผลิต